ข้อมูลการทำธุรกิจบนอินเตอร์เน็ต


E- Commerce หรือ E- Business
เป็นวิธีใหม่ในการทำธุรกิจกับตลาดโลกโดยอาศัยเครือข่ายของระบบอินเตอร์เน็ตเป็น
ตัวกลางในการติดต่อสื่อสารต่าง ๆ ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตในช่วงแรก ๆ ที่เกิด
ขึ้นมานั้น มีจุดประสงค์เพื่องานของทหารโดยเฉพาะ ต่อมาก็เป็นเรื่องการศึกษาต่าง ๆ
ในเวลาไม่นานนี้เอง บริษัทหรือองค์กรต่าง ๆ ก็เริ่มที่จะพลิกผันตัวเองเข้าสู่ระบบ
อินเตอร์เน็ต ในปัจจุบันบริษัทหรือองค์กรใดที่ไม่มีตัวตนในระบบอินเตอร์เน็ตก็ล้า
สมัยไปโดยปริยาย

การนำอินเตอร์เน็ตมาใช้ในธุรกิจ
การนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ในหน่วยงานเริ่มต้นจากการนำ
เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตมาใช้กับระบบเครือข่ายภานในหรืออินทราเน็ต นอกจากนั้นยัง
เชื่อมอินทราเน็ตกับคู่ค้าเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน หรือใช้ในการซื้อขายระหว่าง
องค์กร
สิ่งที่เกี่ยวข้อง
ธุรกิจบนอินเตอร์เน็ตมีแนวคิดที่ว่าไม่จำเป็นที่จะต้อง
มีสำนักงาน ไม่จำเป็นต้องมีสต็อกสินค้า ถ้าเป็นการเริ่มลงทุนก็จะต้องมีการลงทุนเล็ก
น้อยแต่ถ้ามีธุรกิจเดิมอยู่แล้วก็แทบจะไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย สมมุติว่าคุณจะเปิด
ร้านค้าบนอินเตอร์เน็ต สิ่งแรกที่คุณจะต้องคำนึงถึงก็คือ E - Business เป็นการทำ
ธุรกิจข้ามชาติขายสินค้าให้กับคนทั่วโลก ดังนั้นสินค้าจะต้องเป็นสินค้าที่ผู้คนให้ความ
สนใจ สินค้าเหล่านี้จะมีกลุ่มเป้าหมายทั่วโลก
	สิ่งที่จะต้องเตรียม เริ่มจากหาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์สำหรับเตรียมการ
เกี่ยวกับข้อมูลสินค้า ระบบฐานข้อมูล ระบบโทรคมนาคม พื้นที่โฮสต์ (พื้นที่ที่ให้
บริการโฮมเพจ) วิธีการนำเสนอสินค้า นั่นคือจะต้องสร้าง Home Page ที่เป็นร้าน
ค้าของเราขึ้นมา(เราสามารถทดลองทำเว็บด้วยตนเอง ด้วยวินโดวส์ 98 ที่ ติดตั้ง
 PWS (Personal Web Server) และลองศึกษา ทดลองทำเว็บกันก่อน เพื่อให้
รู้ถึงลักษณะการทำงาน ) ภายในก็แสดง รายละเอียดของสินค้า และลักษณะพิเศษที่
น่าสนใจ (สามารถค้นหาได้ว่ามีที่ใดทำเกี่ยวกับเรื่อง E – Commerce อยู่ แล้ว
สมัครเป็นสมาชิกแล้วคุณอาจจะมี Home Page เป็นของตนเองเลยก็ได้)  เมื่อได้
โฮมเพจแล้วอย่าลืมว่าจะต้องมีที่อยู่ หรือชื่อ Domain Name ซึ่งถ้าเป็นการเช่าพื้น
ที่เก็บข้อมูลจากบริษัท ISP ต่าง ๆ ก็จะต้องตั้งชื่อDomain name ของเราเอง 
(อาจจะต้องเสียเงินค่าจะทะเบียนอีกเล็กน้อย) แต่ถ้าหากเป็นที่ให้ บริการโฮมเพจฟรี
ชื่อที่ตั้งไว้อาจจะมีความยาวมาก ชื่อ Domain Name นี้ควรจะต้องเป็นชื่อที่จำได้
ง่าย สะดุดหู เหมือนกับว่าที่ใคร ๆ ก็ตามเมื่อพูดถึงเรื่อง E – Commerceก็ควรที่
จะนึกถึงคุณเลย
	ขั้นต่อไปคือ ขั้นตอนการเลือกซื้อสินค้า วิธีการก็คือ ต้องบอกรายละเอียด
ของสินค้าไม่ว่าจะเป็นขนาด น้ำหนัก รวมถึงราคาสินค้าด้วย (ทั้งขนาดและน้ำหนักอาจ
อาจเป็นตัวกำหนดราคาของค่าขนส่ง)
	ต่อไปก็หาระบบรักษาความปลอดภัยของของข้อมูลที่รับมา ไม่ว่าจะเป็น
ชื่อลูกค้า หมายเลขบัตรเครดิตของลูกค้า รายละเอียดต่าง ๆ ของลูกค้า รายละ
เอียดต่าง ๆ เหล่านี้มีความ สำคัญมากที่เราจะต้องเก็บรักษาไว้ให้ดี เพื่อป้องกันไม่
ให้พวกที่ไม่หวังดี หรือหวังดีแต่ประสงค์ร้าย นำเอาไปใช้
	สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งคือการโปรโมทเว็บไซต์ของเราให้คนทั่วโลกได้รู้จัก
 อันนี้ก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่น้อยที่เดียว เว็บไซต์จะสวยหรู ดีเลิศ สินค้าถูกเพียงใด ดี
เพียงใด ถ้าไม่มีคนดูก็ไม่มีประโยชน์อะไร ปิดร้านได้เลยสะบายใจดี


EX ตัวอย่าง
สมมุติบริษัท Merchant ต้องการเข้าสู่ระบบ E - Commerce
ทางบริษัทต้องทำการค้นหาว่าที่ใดเป็นตัวกลางให้บริการด้านนี้บ้าง
แล้วก็พบว่าบริษัท Asia - one เป็นผู้ให้บริการ จึงทำการติดต่อทันที ทาง Asia - one
ก็จะสร้าง โฮมเพจและ Upload  เข้าสู่ Server ในระบบอินเตอร์เน็ตกลายเป็นเว็บไซต์
 Merchant ขึ้นมา
	เมื่อผู้ซื้อหรือ Customer ต้องการซื้อสินค้าชิ้นใด ก็เพียงเลือกที่ช่อง
BUY(ซื้อ) เท่านั้น แต่จะต้องกรอกข้อมูลเกี่ยวกับตัว Customer และบัตรเครดิต
ทาง Asia - one จะทำการคำนวณ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นราคา ค่าส่ง ภาษี 
ถ้าผู้ซื้อตอบตกลงก็ถือว่ามีการซื้อ ขายเกิดขึ้นแล้วต่อไปก็จะเป็นการจัดการของ 
Asia - one ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น การเก็บเงิน การส่งสินค้า ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
เมื่อผู้ซื้อ Customer สั่งซื้อสินค้า Asia - one จะส่งใบรับ Order กลับไปให้ผู้
ซื้อทาง E-mail เพื่อเป็นการยืนยันการสั่งซื้อ ขั้นต่อไปทาง Asia - one จะ
ตรวจสอบ Credit card ของทางผู้ซื้อโดยการส่งหมายเลขบัตรไปยังธนาคารเจ้า
ของบัตรเพื่อดูว่า Credit card ยังใช้ได้หรือไม่ (ข้อมูลที่ส่งไปจะถูกส่งในแบบ
พิเศษ คือ มีการรักษาความปลอกภัยของข้อมูลด้วยวิธีพิเศษ) เมื่อทาง Asia - one 
ได้รับคำตอบจาก Bank ว่า Credit card ใช้ได้ก็จะส่งใบสั่งซื้อไปให้ Merchant
ว่ามี Customer ต้องการซื้อสินค้าชิ้นใด ให้เตรียมเอาไว้ จะมีบริษัทที่ให้บริการรับ-ส่ง
สินค้าไปรับ และจะนำไปส่งให้กับ Customer บริษัท Asia - oneเช่นกันว่าจะต้องรับ
สินค้าอะไร จากใคร และส่งไปที่ใด ส่วนทางธนาคารเมื่ออนุมัติการสั่งจ่ายเงิน ก็จะส่ง
เงินนั้นไปสู่ Asia - one หลังจากนั้น Asia - one ก็จะส่งเงินมาให้ Merchant ทันที 
เป็นอันว่า ผู้ซื้อ Customer ได้รับสินค้า ทาง Merchant ก็ได้รับเงินค่าสินค้าด้วย 
เท่านี้ก็ Happy Ending 

menu.

DOWNLOAD บทความ

Add a list item.

Add a list item.

Related Page 1 | Related Page 2 | Related Page 3